เปิด/ปิด เมนู

จี๊ดจ๊าด™ : ตัวจริงเรื่องผลไม้เคี้ยวหนึบ!

เลือกภาษา
เปลี่ยนเป็นภาษาไทย Change to English language 中国语文


ข่าวสาร & กิจกรรม

  ข่าวสาร & กิจกรรม

 

จี๊ดจ๊าด เปลี่ยนโลโก้ใหม่!! รู้ยัง? | 2020-03-17 13:49:20
 

 

ถึงโคนันจะยังไม่โต แต่หนูจี๊ดโตแล้วนะ!!! บอกเลยว่ายิ่งโตยิ่งจี๊ด ปักหมุดรอไว้ เดี๋ยวหนูจี๊ดจะพาไปพบกับจี๊ดจ๊าดแบบใหม่เร็วๆ นี้ มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ 7-Eleven, Family Mart, Lawson 108, MaxValue, Big C, ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำทั่วไป #จี๊ดจ๊าดต้องหนูจี๊ด #หนูจี๊ดต้องชูสองนิ้ว #มะขามจี๊ดจ๊าด #มะขามอบบ๊วย #จี๊ดจ๊าดโฉมใหม่ #จี๊ดจ๊าดมีอะไรใหม่
  

 

 

มหกรรมซื้อของไทย ใช้ของดี กับ Thailand Industry Expo 2015 | 2020-03-17 11:04:53
 
มหกรรมซื้อของไทย ใช้ของดี กับ Thailand Industry Expo 2015

 

มาบอกต่อ มหกรรมซื้อของไทย ใช้ของดี กับ Thailand Industry Expo 2015 งานที่รวบรวมสินค้าไทยทั่วประเทศมาไว้ที่นี่ เดินงานเดียวได้ครบจ้า ตั้งแต่วันที่ 22-27 กันยายน 2558 เวลา 10.00–20.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ..

จี๊ดจ๊าด อยู่บูธหมายเลข XX32 อย่าลืมแวะไปเจอกันนะคะ

 

 

จะกระปุกไหน ก็อร่อยถ้าได้ลอง จี๊ดจ๊าดมะม่วงหยี | 2020-03-05 11:31:32
 

 

สองรสชาติที่มาแรงและฮอตที่สุดในตอนนี้ ต้องหลีกทางให้ จี๊ดจ๊าดมะม่วงหยีแซ่บและมะม่วงหยีคลุกบ๊วย สองกระปุกนี้ ที่แอดแนะนำว่าต้องไปจัดมาลอง ไม่ต้องเชื่อแอด แต่ท้าให้ลอง ไปซิไปๆๆ แล้วจะติดใจ
.......................................................
#จะกระปุกไหน ก็อร่อยถ้าได้ลอง จี๊ดจ๊าดมะม่วงหยี
#ซ้ายก็ดี ขวาก็รัก ถ้าได้ลองแล้วจะเลิฟ
  

 

 

วิธีสร้าง "ความสุข" ในที่ทำงาน | 2015-04-28 02:10:32
 
วิธีสร้าง "ความสุข" ในที่ทำงาน

 

เห็นหลายคนมักจะยังบ่นว่าเบื่องาน ทั้งๆ ที่ยังก็ยังทำงานงกๆ เข้างานเช้าเลิกงานกลับบ้านตอนเย็น ถึงแม้จะบ่นว่าเบื่ออย่างไร แต่งานนั้นทำให้ชีวิตคนเรามีคุณค่าเพราะฉะนั้นเรามาหาวิธี ที่จะทำให้ เรานั้นสามารถมีความสุขอยู่กับงาน สนุกสนานกับบรรยากาศในออฟฟิศ เพื่อตัวเราเองและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ก็น่าจะดีกว่าจริงมั้ยคะ 

 

  1. ปัญหาส่วนตัวทิ้งไว้ที่บ้าน เมื่อเรามีเรื่องครุ่นคิดเกี่ยวกับครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ เราจะไม่มีความสุขและไม่สามารถจดจ่อกับงานที่เราต้องรับผิดชอบได้ เพราะฉะนั้น ควรทิ้งเรื่องส่วนตัวไว้ที่บ้านแล้วสนุกกับงานตรงหน้า ให้เหมือนกับทิ้งเรื่องงานไว้ที่ออฟฟิศและมีความสุขกับครอบครัวในวันหยุด แล้วคุณจะมีความสุขในทุก ๆ วันทำงาน
  2. สร้างพื้นที่ผ่อนคลายส่วนตัว เราใช้เวลาในที่ทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือบางทีบางคนยังชอบกลับบ้านดึกเพราะนั่งทำงาน สรุปแล้วเราใช้เวลาในการทำงานมากกว่าเวลานอนเสียอีก แต่ถ้าเราสามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ เช่น ตกแต่งพื้นที่ส่วนตัวในที่ทำงานของคุณ จัดโต๊ะทำงานให้มีมุมเก๋ๆ น่ารักๆ มองแล้วรู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุด และแน่นอนไม่ขัดต่อกฎระเบียบของบริษัท ก็สามารถช่วยบิ้วท์อารมณ์ในการทำงานของเราได้แล้ว
  3. เพื่อนคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ การหาเพื่อนในที่ทำงานที่มีไลฟ์สไตล์หรือภูมิหลังคล้ายกับเรานั้นช่วยแบ่งเบาความเครียดได้ไม่น้อยในยามที่ต้องการระบายเรื่องอึดอัดใจให้ใครสักคนฟัง แม้บางปัญหาเพื่อนแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เข้าใจ คอยรับฟังเรื่องราว และเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ แต่อย่าลืมเรื่องนินทาคนอื่นลับหลัง (มันไม่ดีนะคะ)
  4. กินดีสุขภาพดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่มากพอ ให้พลังงานแก่ร่างกาย เติมความสดชื่น และเพิ่มพลังความคิดในการทำงาน เมื่อสุขภาพดีก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เกิดความคิดดี ๆ ในการทำงาน ผลงานก็ออกมาดีตามไปด้วย
  1. จัดระเบียบการทำงาน ควรจัดสรรเวลาในการทำงาน จัดระเบียบตัวเองให้ดี อย่าให้เกิดภาวะงานล้นมือ ทำไม่ทัน ก่อความเครียด และสุดท้ายผลงานออกมาไม่ดี ถ้าคุณสามารถควบคุมมันได้ เราจะไม่รู้สึกเบื่องาน ทั้งยังมีความมั่นใจ และแรงจูงใจที่จะก้าวต่อไปมากขึ้น
  2. เคลื่อนไหว เดินไปมาบ้าง การนั่งทำงานในออฟฟิศ คือการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ร่างกายจึงต้องการการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นจะเคล็ด ขัด ยอก เมื่อย ปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นโรคออฟฟิศซินโดรม Office Syndrome เราควรจะเปลี่ยนอิริยาบถให้เลือดลมเดินสะดวก ส่งเลือดขึ้นไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึงโดยเฉพาะสมอง ด้วยการลุกเดินเป็นครั้งคราว หรือการลุกไปเข้าน้ำก็จะช่วยให้ดีขึ้นไม่ใช่น้อย (แต่การลุกจากโต๊ะไปตลอดเวลาก็อาจจะทำให้เจ้านายคุณไม่ชอบใจก็ได้นะ)
  3. ให้รางวัลตัวเอง ในการทำงานนั้นเราสามารถที่จะตั้งเป้าว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ และเมื่อทำได้ตามนั้น ก็ควรให้รางวัลตัวเอง เช่น การไปดูหนัง ช้อปปิ้ง กินข้าวกับเพื่อน นวดสปา หรืออะไรก็ตามที่เราชื่นชอบ การเติมความสุขให้ชีวิตส่งผลต่ออารมณ์ที่ดีในการทำงาน
  4. มองโลกแง่บวก จริง ๆ แล้วสุขหรือทุกข์ล้วนอยู่ที่มุมมองของเราแต่ละคน หากเรามองสิ่งต่างๆ เป็นบวกชีวิตก็จะมีความสุขและสนุกกับงานได้ไม่ยาก จงบอกตัวเองว่า “มาทำานเราที่รักกันดีกว่า” ย่อมสร้างกำลังใจได้ดีกว่าพูดว่า “ทุกวันก็มีแต่งานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ น่าเบื่อ” ซึ่งจะทำให้คุณยิ่งเบื่องานของคุณมากกว่าเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก www.jobdb.com

 

 

ประโยชน์จากการเคี้ยวจี๊ดจ๊าด | 2015-03-07 22:31:10
 
ประโยชน์จากการเคี้ยวจี๊ดจ๊าด

 

 

เพื่อนรู้มั้ยคะ ประโยชน์ของมะขาม ที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่า 
-อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ อย่างวิตามิน ซี / วิตามินบี 2 / วิตามิน เอ / ธาตุเหล็ก / แคลเซียม และฟอสฟอรัส
-มีฤทธิ์ระบายท้อง

ยังมีประโยชน์จากการเคี้ยว ที่เราเคี้ยวลูกอมเคี้ยวหนึบอย่างจี๊ดจ๊าดกันด้วยนะคะ
1.ช่วยลดความเครียด
สำหรับคนที่ทำานหนัก เครียดบ่อยๆ ต้องพกลูกอมเคี้ยวหนึบหรือหมากฝรั่งไว้เคี้ยวติดตัวเลยนะคะ เพราะการเคี้ยวจะทำให้ความวิตกกังวลลดลง เกิดความตื่นตัว และคลายความเครียดลงได้

2.สมองแล่นปรื้ด
เพราะการเคี้ยวจะช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงที่สมองมากขึ้น เพิ่มออกซิเจนสู่สมอง
เกิดความกระฉับกระเฉง คิดอะไรก็ออก ลื่นปรื้ดจ้า

3.แก้เมารถ-เมาเรือ
ถ้าเราเองเป็นคนที่ขึ้นรถ ลงเรือก็วิงเวียน ออกจะอาเจียน ลองพกจี๊ดจ๊าดไว้เคี้ยว
นอกจากรสเปรี้ยวๆ อมหวานแล้ว การเคี้ยวจะทำให้ได้ขยับปาก สมองสดชื่นขึ้น ลดอาการปวด มวนท้องได้จากการอยากคลื่นไส้อาเจียนได้ 

4.บรรเทาอาการกรดไหลย้อน
เพราะการเคี้ยวจะทำให้มีน้ำลายออกมาเจือจางกรดจากกระเพาะอาหารให้เป็นกลาง นอกจากนี้คนที่เป็นกรดไหลย้อน ลองหาลูกอมหรือหมากฝรั่งมาเคี้ยวหลังอาหาร 30 นาที จะช่วยลดอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ อาการเสียดท้อง ท้องอืดได้ดีนะจ้ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องกินต้องเคี้ยวกันอย่างพอดีนะคะ
เพราะอะไรที่มากไป หรือ น้อยเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น ต้องสายกลางเข้าไว้ ปลอดภัยกว่าจ้า
  

 

 

ความหมายของดอกไม้ที่นิยมไหว้ครู | 2015-01-08 16:02:25
 
ความหมายของดอกไม้ที่นิยมไหว้ครู

 

    วันที่ 16 มกราคม ของทุกๆ ปี ถือว่าเป็นวันครูแห่งชาติ โดยการไหว้ครูครั้งแรก จัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2500 และได้มีการจัดกิจกรรมในวันดังกล่าว อย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน และดอกไม้ที่เหล่าลูกศิษย์ใช้เพื่อเป็นตัวแทนแสดงความรักและเคารพครูบาอาจารย์ มีอะไรและมีความหมายอย่างไรบ้าง มาดูกัน

             

     



              หญ้าแพรก เป็นหญ้าที่เจริญงอกงาม แพร่กระจายพันธ์ ไปได้อย่างรวดเร็วมาก หญ้าแพรกดอกมะเขือจึงมีความหมายซ่อนเร้นอยู่ คนโบราณจึงถือเอาเป็นเคล็ดว่า ถ้าใช้หญ้าแพรกดอกมะเขือไหว้ครูแล้ว สติปัญญาของเด็กจะเจริญงอกงามเหมือนหญ้าแพรกและ ดอกมะเขือนั่นเอง

     

              




              ดอกเข็ม เพราะดอกเข็มนั้นมีปลายแหลม สติปัญญาจะได้แหลมคมเหมือนดอกเข็ม และก็อาจเป็นได้ว่า เกสรดอกเข็มมีรสหวาน การใช้ดอกเข็มไหว้ครู วิชาความรู้จะให้ประโยชน์กับชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสดชื่นเหมือนรสหวานของดอกเข็ม

     


     

      

    ข้าวตอก เนื่องจากข้าวตอกเกิดจากข้าวเปลือกที่คั่วด้วยไฟอ่อน ๆ ให้ร้อนเสมอกันจนถึงจุดหนึ่งที่เนื้อข้างในขยายออก จนดันเปลือกให้แยกออกจากกัน ได้ข้าวสีขาวที่ขยายเม็ดออกบาน ซึ่งสามารถนำไปประกอบพิธีกรรม หรือทำขนมต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ข้าวตอกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย หากใครสามารถทำตามกฎระเบียบ เอาชนะความซุกซนและความเกียจคร้านของตัวเองได้ ก็จะเหมือนข้าวตอกสีขาวที่ถูกคั่วออกจากข้าวเปลือก 


     ดอกมะเขือ เป็นดอกที่โน้มต่ำลงมาเสมอ ไม่ได้เป็นดอกที่ชูขึ้น คนโบราณจึงกำหนดให้เป็นดอกไม้สำหรับไหว้ครู ไม่ว่าจะเป็นครูดนตรี ครูมวย ครูสอนหนังสือ ก็ให้ใช้ดอกมะเขือนี้ เพื่อศิษย์จะได้อ่อนน้อมถ่อมตนพร้อมที่จะเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้มะเขือยังมีเมล็ดมาก ไปงอกงามได้ง่ายในทุกที่ เช่นเดียวกับ หญ้าแพรก 

    ครูคือ ผู้สร้าง ผู้ให้ และผู้พัฒนา

    วันครูปีนี้ กลับโรงเรียนไปไหว้ครูกันนะคะ

 

 

ความเป็นมาของ "วันเด็กแห่งชาติ" | 2015-01-08 15:19:16
 
ความเป็นมาของ "วันเด็กแห่งชาติ"

 

ทุกคนคงจำได้ว่า เสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกๆ ปี คือ วันเด็กแห่งชาติ แต่ทำไมถึงต้องมีวันเด็ก แล้วทำไมไม่มีวันผู้ใหญ่บ้าง มาลองดูประวัติของวันเด็กกันสักนิดจะดีกว่า

งานวันเด็กแห่งชาติ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์แรกของเดือน ต.ค. พ.ศ.2498 ตามคำเชิญชวนผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อ สวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ

รัฐบาลจัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

แต่ในปี พ.ศ.2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สอง ของเดือนม.ค. เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้

คำขวัญวันเด็กเป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดย คำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า "จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม"

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมาจึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


และในปี พ.ศ. 2558 นี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้มอบคำขวัญวันเด็กประจำปีนี้ ไว้ว่า

"ความรู้ คู่ธรรม นำสู่อนาคต" 



  

 

 

ภัยเงียบจากสมาร์ทโฟนที่ไม่ควรมองข้าม | 2015-01-07 09:25:43
 
ภัยเงียบจากสมาร์ทโฟนที่ไม่ควรมองข้าม

 

นู๋จี๊ดเชื่อว่า เพื่อนหลายๆ คนคงชอบนอนเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน ติดสมาร์ทโฟน ว่างเป็นต้องหยิบขึ้นมาดู แม้แต่ตอนก่อนจะนอน
ทั้งๆ ที่ปิดไฟไปแล้วกันใช่มั้ยคะ
รู้ไหมมั้ยคะว่า การเล่นโทรศัพท์ในที่มืด หรือที่ที่มีแสงสว่างน้อย อาจะทำให้เรามีปัญหาทางด้านสายตานำไปสู่ตาบอดในอนาคตได้
แพทย์ศิริราชเตือน อันตรายจากการเล่นแชทสมาร์ทโฟนตอนปิดไฟ อาจส่งผลต่อดวงตาได้ รศ.น.พ.นริศ กิจณรงค์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะเลขาธิการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตามากกว่า ร้อยละ 80 สาเหตุมาจากการได้รับรังสียูวี (UV) 400, ยูวีเอ(UVA) 1 และแสงสีฟ้าจากการจ้องมองคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เป็นเวลานานเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน      

นอกจากนี้  ผู้ป่วยมีทั้งผู้สูงอายุ วัยทำงาน และเด็ก พฤติกรรมที่พบส่วนใหญ่ คือ ช่วงเวลาก่อนนอนจะหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นในขณะที่ปิดไฟแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่เร่งให้มีอาการทางสายตาเพิ่มขึ้น อันตรายจากแสงยูวี แสงสีฟ้าที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จะทำลายดวงตาเมื่อจ้องเป็นเวลานาน เนื่องจากการกะพริบตาจะน้อยลง

โดย ปกติคนเราจะกะพริบตาประมาณ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อให้ตาได้รับความชุ่มชื้น การเพ่งมองเป็นเวลานานจะทำให้ตาแห้ง แสบตา ส่งผลให้การมองเห็นเริ่มผิดปกติ เห็นภาพซ้อน ภาพไม่ชัด พร่ามัว ปวดเบ้าตา กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม และเป็นส่วนที่ทำให้เกิดต้อเนื้อ ต้อลม และจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งพบมากขึ้นเรื่อย ๆ และรักษาได้ยากจนอาจส่งผลทำให้ตาบอดได้

รู้อย่างนี้แล้ว ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันสักนิดตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพตาที่ยืนยาวของเรา

นู๋จี๊ดคอนเฟิร์ม!!

 

 

ช้อปออนไลน์ส่งท้ายปี 2557 | 2014-12-16 16:33:35
 
ช้อปออนไลน์ส่งท้ายปี 2557

 

นู๋จี๊ดชวนเพื่อนๆ มาพบกับมหกรรมช้อปออนไลน์ ที่สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จับมือกับร้านค้าออนไลน์ต่างๆ 
มาร่วมกันลดส่งท้ายปีเพื่อส่งความสุขและลดค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภคทุกท่าน ที่ www.thailandmegasale.com

รวบรวมสินค้าหลายหลาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าไอที, เครื่องใช้, อุปกรณ์ และอาหารมาไว้ในที่นี่ที่เดียว
ช้อปสุดคุ้มเพราะ เอามาจัดรายการลดสูงสุด 20- 80%

สนับสนุนคนไทย และธุรกิจอิเล็คทรกนิคส์ไทยกันนะคะ
  

 

 

ลดน้ำหนักด้วยน้ำมะขาม.. ง่ายและปลอดภัย | 2014-12-08 15:51:28
 
ลดน้ำหนักด้วยน้ำมะขาม.. ง่ายและปลอดภัย

 

เพื่อนๆ ทราบหรือไม่ว่า หากเรามีค่า BMI ภาวะน้ำหนักเกินหรือภาวะที่ร่างกายมีดัชนีมวลกาย (body mass index) เกินเลข 24 ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติที่เรียกว่า โรคอ้วน เนื่องจากเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดกลุ่มโรคร้ายแรงหลายชนิด ซึ่งบางชนิดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีอัตราการตายอันดับสูง เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและโรคเส้นเลือดในสมองแตก เป็นต้น

การที่โรคอ้วนกลายเป็นโรคไม่ติดต่อที่แพร่หลายในทุกเพศทุกวัยไปทั่วโลกก็เนื่องจากปัญหาพฤติกรรมบริโภคอาหารที่มี แป้ง น้ำตาล และไขมันล้นเกิน อันเกิดจากวัฒนธรรมบริโภคฟาสต์ฟู้ดของโลกยุคใหม่นั่นเอง
การควบคุมน้ำหนักร่างกายเพื่อป้องกันโรคอ้วนมีหลากหลายวิธี เช่น การควบคุมอาหารทีมีแคลอรี่สูงอย่าง แป้งน้ำตาล ไขมัน การฝึกนิสัยการบริโภคอาหารทีมีกากใยสูง หรือการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เป็นต้น

นู๋จี๊ด ขอแนะนำการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผลดี ทำได้ง่าย คือ การดื่มน้ำ

 มะขามเป็นเครื่องดื่มรสเปรี้ยวเมื่อดื่มแล้วสดชื่นและให้สังเกตดูหลังดื่มน้ำมะขามแล้วสรรพคุณอีกอย่างหนึ่งคือ ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นลง

หากต้องการได้สรรพคุณช่วยควบคุมน้ำหนักตัว เล่าผลจากการทดลองในสัตว์และในคนให้ฟัง ว่าเมื่อได้กินเกลือแอมโมเนียของโพลีแซคคาไรด์จากเนื้อมะขาม (natural polysaccharides ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติหลายโมเลกุลของเนื้อมะขาม) ขนาด 0.5กรัม/น้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม เป็นเวลา 30วัน สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลตัวเลวในเลือด (low density lipoprotein - ldl) ลงต่ำกว่าระดับการรักษาเสียอีก

ที่สำคัญคือยังพบว่า สารไซโลกลูแคน (xyloglucan) ในเนื้อมะขามสามารถยับยั้งการสร้างไขมันในร่างกาย รวมทั้งยับยั้งการสร้างไขมันที่พอกตับและไขมันในเลือด
ยิ่งกว่านั้น จากการทดลองกับหนูขาว ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวาน พบว่าสารมัลซิเลค (mulcilage) และสารเปคติน( pectin) ในเนื้อมะขาม สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดหนูขาวได้ถึง 60.48%

นอกจากนี้ กรดทาร์ทาริก (tartaric acid) ในน้ำต้มเนื้อมะขามขนาดเพียง 1 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอย่างแรง จึงใช้แทนยาขับปัสสาวะ (diuretic) เพื่อลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ และยังช่วยยับยั้งการเกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะอย่างได้ผลดียิ่ง

รวมทั้งน้ำจากเนื้อมะขามเข้มข้นสามารถทำลายพยาธิใบไม้ในเลือดแบบหมดจดอีกด้วย

วิธีดื่มน้ำมะขามให้ได้ผลง่ายสะดวกคือ ใช้เนื้อมะขามล้วนๆ (ที่แกะเม็ด รวมทั้งรังและกากออกหมดแล้ว) ตามน้ำหนักตัวคือ 0.5กรัมต่อน้ำหนักตัว 1กิโลกรัม เช่น คนหนัก 50กิโลกรัมใช้เนื้อมะขาม 25กรัมละลายในน้ำสุกอุ่นๆ 1แก้ว (250ซีซี) ไม่ต้องเติมเกลือและน้ำตาลดื่มวันละครั้งหลังอาหารเย็นก็ได้ ช่วยเป็นยาระบายในตอนเช้าอีกต่างหาก

เนื่องจากมีการทดสอบความเป็นพิษของเนื้อมะขามสุกในสัตว์ทดลองหลายชนิด พบว่าสัตว์ทดลองมีน้ำหนักลดลงมาก และเซลล์ไขมันในตับก็ลดลงมากด้วย แต่ไม่พบความเป็นพิษ

ดังนั้น ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักให้เห็นผลเร็ว อาจจะรับประทานเนื้อมะขามมากกว่าขนาดที่ระบุไว้ก็ได้ แต่มีข้อแนะนำไว้3ข้อ คือ

1) บางคนอ่อนไหวกับมะขามกินมากไปเล็กน้อยอาจท้องเสียได้
2) ไม่ควรรับประทานเกิน 2กรัมต่อน้ำหนักตัว 1กิโลกรัมทั้งนี้ ต้องแบ่งรับประทานวันละ 3เวลาหลังอาหารและก่อนนอน
3) ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเกิน30วัน เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำมากเกินไป และขอย้ำว่าคนที่ธาตุเบาถ่ายง่ายควรลดเนื้อมะขามลงตามความเหมาะสมด้วย

นอกจากใช้เนื้อมะขามเป็นน้ำสมุนไพรลดน้ำหนักแล้ว อย่าลืมใช้ก้อนมะขามเปียกขัดผิวด้วย เพราะสารไซโลกลูแคน(xyloglucan) และน้ำตาลโพลีแซคคาไรค์ (polysaccharide)ในเนื้อมะขามจะช่วยยับยั้งการสร้างเมลานินที่ผิวหนัง ทำให้ผิวของคุณขาวขึ้นโดยไม่ต้องใช้สารเคมี

เริ่มอยากไปซื้อมะขามเปียกที่ตลาดมาทำน้ำมะขามแล้วใช่มั้ยละ

 

 

สติ๊กเกอร์ LINE จากภาพวาดฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี | 2014-12-04 16:04:47
 
สติ๊กเกอร์ LINE จากภาพวาดฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

สภากาชาดไทยออกสติ๊กเกอร์ LINE จากภาพวาดฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในชื่อชุด “แชทได้บุญ แชร์ได้กุศล” (Chat & Charity) เริ่มดาวน์โหลด 4 ธันวาคมนี้ ซึ่งรายได้นำไปสร้างศูนย์รักษาพยาบาล โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สภากาชาดไทย ร่วมกับบริษัท LINE เผยแพร่ภาพฝีพระหัตถ์ในลักษณะสติ๊กเกอร์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปดาวน์โหลด

ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการจัดทำสติ๊กเกอร์ด้วยภาพฝีพระหัตถ์ รายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดร่วมสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 150 ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

โดยสติ๊กเกอร์ในชุดมีทั้งหมด 16 ภาพ เริ่มให้โหลดกันได้ใน LINE ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2557 จนถึงวันที่ 3 มีนาคม 2558 ในราคา 50 coin หรือประมาณเป็นเงินไทย 30 บาท

https://store.line.me/stickershop/product/3523/th

  

 

 

อรุณสวัสดิ์ค่าา พร้อมเล่นเกมกันรึยังเอ่ยยย~ | 2014-12-03 19:56:51
 

 

อรุณสวัสดิ์ค่าา พร้อมเล่นเกมกันรึยังเอ่ยยย~

 

 

กอดกันหน่อย♡ | 2014-12-03 19:45:05
 

 

กอดกันหน่อย♡
  

 

 

เช้านี้อากาศสดใส วันศุกร์แล้วนะคะะ>< | 2014-12-03 19:44:49
 

 

เช้านี้อากาศสดใส วันศุกร์แล้วนะคะะ><

 

 

ฝันดีค่ะ:)) | 2014-12-03 19:44:13
 

 

ฝันดีค่ะ:))
  

 

 

 

 

 

หน้าที่ : มี 31 หน้า จากทั้งหมด : 451 ข่าว


แชร์หน้านี้


    
 

Copyright © 2024. 3M Food Product Co.,Ltd. All rights reserved.
    

X

ขึ้นไปด้านบน